EXPOUND

รายงานแบบบูรณาการ: นวัตกรรมการสื่อสารด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนไทย

รายงานแบบบูรณาการ: นวัตกรรมการสื่อสารด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนไทย

ปัจจุบันหน่วยงานในระดับสากลได้กำหนดแนวปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจและการเปิดเผยข้อมูลด้าน 
ความยั่งยืนสำหรับองค์กรธุรกิจมากมาย เช่น Principles of CG โดย OECD, UN Global Compact (UNGC), Sustainable Development Goals (SDGs), Global Governance Principles โดย ICGN, Global Reporting Initiative (GRI), International Integrated Reporting Council (IIRC), Carbon Disclosure Project (CDP), Dow Jones Sustainability Indices (DJSI), FTSE4Good Index เป็นต้น โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนไทยในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ที่ต้องดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับและแนวปฏิบัติต่าง ในการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส ถูกต้อง ทันเวลา ครบถ้วนและเพียงพอ อันถือเป็นหัวใจสำคัญของการสื่อสารของบริษัทจดทะเบียนไทยต่อผู้มีส่วนได้เสีย เพราะนอกจากจะเป็นการอธิบายถึงผลการดำเนินงานด้านต่างๆในแต่ละปีแล้ว ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุน ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และตลาดทุนโดยรวมอีกด้วย 

การเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนจึงได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอันเป็นผล 
มาจากแนวโน้มการลงทุนอย่างรับผิดชอบ (Responsible Investment) ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ลงทุนมีความต้องการนำข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุน ดังนั้น การเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน ถูกต้อง และโปร่งใสจึงกลายเป็นกลไกที่นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าของราคาหลักทรัพย์และดึงดูดความสนใจของผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น (อรุณี ตันติมังกร และ ศุภกร เอกชัยไพบูลย์, 2560) ซึ่งนอกจากจะเป็นช่องทางการสื่อสารที่สำคัญในการดึงดูดผู้ลงทุนและเพิ่มความเชื่อมั่นให้ธุรกิจแล้ว  ยังช่วยกระตุ้นให้แนวคิดการลงทุนที่ยั่งยืน (Sustainable Investment) แพร่หลายอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ภาคธุรกิจจึงต้องนำเสนอข้อมูลให้กับผู้มีส่วนได้เสียได้สามารถเข้าถึง ศึกษาและทำความเข้าใจ ตลอดจนตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวจากรายงานที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ (Public Reporting) (นพพร แพทย์รัตน์ และพัทธนันท์ เพชรเชิดชู, 2561) 

อย่างไรก็ตามบริษัทจดทะเบียนไทยต้องเผชิญกับความท้าทายในการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนให้สอดคล้องตามแนวปฏิบัติต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากลในการรายงานรูปแบบต่าง ๆ อาทิ แบบแสดงรายการข้อมูล (แบบ 56-1)  รายงานประจำปี (แบบ 56-2 หรือ Annual Report: AR)  รายงานความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR Report) และรายงานการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Development Report: SD Report) ตามกรอบ GRI นอกจากนี้ยังมีตัวชี้วัดด้านความยั่งยืนต่างๆ เช่น Dow Jones Sustainability Indices (DJSI), FTSE4 Good Index, MSCI ESG Index, ASEAN CG Scorecard, Corporate Governance Report (CGR) เป็นต้น ซึ่งตัวชี้วัดดังกล่าวล้วนอาศัยข้อมูลจากรายงานที่บริษัทได้เผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อใช้ประกอบในการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนไทย และเป็นข้อมูลสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกลงทุนของนักลงทุนอีกด้วย อย่างไรก็ดีการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้สร้างความสับสนและยุ่งยากให้กับบริษัทจดทะเบียนไทยเป็นอย่างยิ่งจากการที่ต้องรายงานข้อมูลที่มีจำนวนมากมายให้ถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา นอกจากนี้ยังสร้างผลกระทบต่อนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียในการเข้าถึงข้อมูลด้านความยั่งยืนที่สะดวก รวดเร็วและเข้าใจง่ายเช่นกัน  

ด้วยเหตุนี้แนวความคิดในการจัดทำรายงานความยั่งยืนที่เหมาะสมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มจึงเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งต้องการให้บริษัทต่าง ๆ มีรายงานเพียง 1 ฉบับ (Integrated Report) โดยครอบคลุมใน 3 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ (ผลประกอบการ-กำไร/ขาดทุนหรือรายงานทางการเงิน) ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม อันสะท้อนถึงรายงานเพื่อความยั่งยืนของบริษัทอย่างแท้จริง (ธงชัย บุณยโชติมา,2556) โดยรายงานความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในปัจจุบันคือ การรายงานแบบบูรณาการ (Integrated Report: IR) ของ International Integrated Report Council (IIRC) ซึ่งได้เปิดตัวกรอบรายงานแบบบูรณาการเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556 โดย IIRC ได้พัฒนาแนวทางการรายงานแบบบูรณาการให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลก และมีการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากการค้นคว้าวิจัยและผลจากการนำไปปฏิบัติ (EY, 2014) ส่งผลให้แนวโน้มที่ธุรกิจจะมีการจัดทำรายงานเชิงบูรณาการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่รายงานเชิงบูรณาการมีผลกระทบโดยตรงกับการสร้างเสริมความสามารถและมูลค่าให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของผู้มีส่วนได้เสีย (นพพร แพทย์รัตน์ และพัทธนันท์ เพชรเชิดชู, 2561) 

นอกจากนี้รายงานแบบบูรณาการยังถูกใช้เพื่อสนับสนุนให้องค์กรต่าง มีการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานแบบรายปี ทั้งยังเป็นการรวบรวมฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบระหว่างองค์กรต่างๆ และการลดความยาวของรายงานต่าง ลง อีกทั้งรายงานแบบบูรณาการยังเพิ่มมุมมมองด้านนวัตกรรม ซึ่งถูกนำมาใช้ทดสอบในการวัดคุณค่าที่องค์กรสร้างให้กับผู้มีส่วนได้เสีย การมุ่งไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs โดย UN) ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีในการสร้างรายงานให้มีความกระชับและตอบสนองต่อผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (ACCA, 2018) 

 

รายงานแบบบูรณาการกับความยั่งยืน  

IIRC เป็นองค์กรความร่วมมือในระดับโลกของหน่วยงานกำกับดูแลกลุ่มผู้ลงทุน องคก์ร ธุรกิจ หน่วยงานกำหนดมาตรฐาน กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพทางการบัญชี และหน่วยงาน NGOs ต่างๆ ซึ่งเห็นตรงกันว่า พัฒนาการขั้นต่อไปของการรายงานขององคก์รธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำไรควรต้องเน้นที่เรื่องการสื่อสารเกี่ยวกับการสร้างคุณค่าIIRC จึงจัดให้มี Integrated Reporting Pilot Programme โดยเชิญองค์กรชั้นนำระดับโลกกว่า 90 แห่งมาร่วมกันพัฒนากรอบโครงสร้างของการจัดทำรายงานแบบบูรณาการนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 2011 นอกจากนี้ IIRC ยังได้ร่วมกับ United Nations Principles for Responsible Investment (UNPRI) ในการเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ลงทุนได้มีส่วนในการให้ความเห็นเกี่ยวกับกรอบโครงสร้างจนเกิดเป็นกรอบรายงานแบบบูรณาการที่ใช้กันทั่วโลกด้วย 

IIRC (2013) ให้นิยามความหมายของ รายงานเชิงบูรณาการ (IR) ว่าเป็นการสื่อสารที่สั้นกระชับได้ใจความเกี่ยวกับกลยุทธ์ การกำกับดูแลกิจการ ผลการดำเนินงาน และการคาดการณ์ขององค์กรในบริบทของสภาพแวดล้อมภายนอก ที่นำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว โดยมีพันธกิจที่สำคัญเพื่อสร้างกรอบรายงานแบบบูรณาการให้เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ซึ่งเป็นการเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน สภาพแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการรวมเข้าไว้ด้วยกันในรูปแบบที่ชัดเจน กระชับ สม่ำเสมอและสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ ทั้งนี้เพื่อพัฒนาข้อมูลขององค์กรต่างๆให้มีความครอบคลุม เข้าใจได้ ซึ่งจะช่วยตอบสนองต่อทิศทางของเศรษฐกิจโลก และความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น (KPMG, 2011) 

วัตถุประสงค์หลักของการรายงานแบบบูรณาการนี้คือการสร้างมาตรฐานสากลของการรายงานเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Reports) การเพิ่มและพัฒนาการรายงานการกำกับดูแลที่ดีของกิจการ รวมทั้งการสร้างประโยชน์ในระยะยาวทั้งด้านเศรษฐกิจของกิจการและการอยู่ร่วมกันระหว่างธุรกิจกับชุมชน สังคมและ สิ่งแวดล้อม (มันทชัย สุทธิพันธ์, 2556) โดยเป็นการรายงานที่เชื่อมโยงโมเดลทางธุรกิจและมาตรวัดทางธุรกิจ เพื่อมุ่งเน้นไปยังกลยุทธ์หลักขององค์กร (สมชาย ศุภธาดา, 2559) ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรและความสัมพันธ์ในการใช้ทรัพยากรที่ส่งผลต่อการสร้างมูลค่าให้กับองค์กรที่แสดงออกมาจากการเพิ่มขึ้นและลดลงของมูลค่าของธุรกิจจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร พร้อมทั้งการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทั้งความเข้าใจ ความเอาใจใส่และการตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งในรายงานเชิงบูรณาการ ประกอบด้วย ข้อมูลทุน องค์ประกอบด้านเนื้อหาสาระและตัวชี้วัด (นพพร แพทย์รัตน์ และพัทธนันท์ เพชรเชิดชู, 2561)  

แม้ว่ารายงานแบบบูรณาการจะมีความคล้ายคลึงกับรายงานประจำปีที่รวมความรับผิดชอบทางสังคม และรายงานความยั่งยืน (SD Report) เข้าไว้ด้วยกันก็ตาม แต่ความแตกต่างคือรายงานบูรณาการไม่ได้เป็นเพียงการนำเนื้อหาหรือประเด็นที่นำเสนอในรายงานประจำปีและรายงานแห่งความยั่งยืนมารวมกันไว้ หรือเป็นข้อมูลฉบับย่อของรายงานทั้งสองประเภทเท่านั้น แต่เนื้อหาของรายงานแบบบูรณาการต้องมีลักษณะที่เชื่อมโยงผลการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน โดยสะท้อนให้เห็นว่าในวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม กลยุทธ์ และสิ่งที่ธุรกิจดำเนินการทั้งหมดมีผลต่อการสร้างคุณค่าทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างไรด้วยทุน (Capital) ที่มีอยู่ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประสิทธิภาพในการสร้างคุณค่าจากการจัดสรรทุนทางธุรกิจที่มีอยูใ่นหลากหลายรูปแบบ (อนันตชัย ยูรประถม และคณะ., 2557) อาทิ  

  • Financial capital เช่น เงินทุน ส่วนของเจ้าของ หนี้สิน เป็นต้น 
  • Manufactured capital เช่น ตึก เครื่องจักร สาธารณูปโภคพื้นฐานในการผลิต เป็นต้น 
  • Intellectual capital เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เป็นต้น 
  • Human capital เช่น ความสามารถและศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ คุณค่าทางศีลธรรมของบุคลากร เป็นต้น 
  • Social and relationship capital เช่น แบรนด์ ชื่อเสียงองค์กรความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสีย เป็นต้น 
  • Natural capital เช่น ทรัพยากรดิน นํ้า อากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศวิทยา เป็นต้น 

 

ในส่วนองค์ประกอบด้านเนื้อหาสาระ (Content Elements) ในรายงานเชิงบูรณาการจะประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกันดังนี้ 1. ข้อมูลทั่วไปขององค์กรและสภาพแวดล้อมภายนอก (Organizational overview and External environment) 2. ธรรมาภิบาล (Governance) 3. รูปแบบธุรกิจ (Business Model) 4. ความเสี่ยงและโอกาส (Risks and Opportunities) 5. กลยุทธ์และการจัดสรรทรัพยากร(Strategy and Resource allocation) 6. ผลการดำเนินงาน (Performance) 7. ภาพอนาคต (Outlook) และ 8. พื้นฐานของการจัดเตรียมและนำเสนอ (Basis of preparation and presentation) นอกจากนั้นข้อมูลตัวชี้วัด (Indicators) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดทางด้านสังคม (Social) สิ่งแวดล้อม (Environment) และธรรมาภิบาล (Governance) (นพพร แพทย์รัตน์ และพัทธนันท์ เพชรเชิดชู, 2561) ดังภาพประกอบที่ 1 

ภาพประกอบที่ 1 องค์ประกอบของรายงานเชิงบูรณาการ

องค์ประกอบของรายงานเชิงบูรณาการ
ที่มา The International Integrated Reporting Council (IIRC), 2013

อย่างไรก็ตามการจัดทำรายงานแบบบูรณาการยังเป็นประโยชน์ต่อทั้งองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม สำหรับองค์กรต่างๆจะช่วยการทำให้มีมุมมองแบบองค์รวมมากขึ้นที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ รูปแบบทางธุรกิจ และความสามารถในการสร้างและรักษาคุณค่าทั้งในระยะสั้น กลางและยาว ซึ่งประโยชน์ที่ผู้มีส่วนได้เสียจะได้รับมี (Pwc, 2012) ดังนี้ 

  • สามารถการเข้าถึงข้อมูลที่มีความโปร่งใสมากขึ้นจากหลากหลายแหล่งทั้งภายนอกและภายในผ่านกระบวนการแบบบูรณาการและการกำหนดมาตรฐานของข้อมูล 
  • องค์ประกอบของการรายงานที่ชัดเจน โปร่งใส และความร่วมมือในการรายงาน ซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์จากทั้งภายในและภายนอกองค์กร 
  • ข้อมูลมีการเชื่อมโยงและเข้าใจได้ง่ายมากขึ้นสำหรับผู้บริหารและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น 
  • การจัดสรรเงินทุนและทรัพยากรอื่นๆที่ดีขึ้น 
  • การเข้าถึงตลาดทุนและพันธมิตรทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น 
  • สามารถเปรียบเทียบความสามารถในการแข่งขัน โดยพิจารณาจากการประหยัดต้นทุน ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และความแตกต่าง 

ด้วยเหตุนี้บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกจึงเริ่มประยุกต์ใช้กรอบการรายงานแบบบูรณาการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจาก 
ผลการสำรวจของ ACCA (2018) พบว่า รายงานต่างๆของบริษัทที่เข้าร่วมกับ IIRC ที่ได้เผยแพร่ต่อผู้มีส่วนได้เสียส่วนใหญ่ (ร้อยละ 58) เป็นการรายงานตามกรอบรายงานแบบบูรณาการ (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 51 เมื่อปีก่อน) นอกจากนี้จำนวนของรายงานที่มีการอ้างอิงตามกรอบการรายงานแบบบูรณาการมีเพิ่มขึ้นถึง 76% (เพิ่มขึ้นจากเดิม 58%) โดยประเทศที่มีการจัดทำรายงานแบบบูรณาการสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น สเปน เนเธอร์แลนด์ บลาซิล แมกซิโก เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร สวีเดน โปแลนด์ และหลายประเทศต่างๆทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะรายงานตามกรอบการรายงานแบบบูรณาการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (KPMG, 2017) 

สําหรับในประเทศไทยนั้น การจัดทํารายงานรูปแบบใหม่ที่บูรณาการข้อมูลการปฏิบัติงานด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม/ชุมชน รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเข้ากับรายงานประจําปีได้เริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในบริษัทจดทะเบียนนับแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา เนื่องจากสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) ได้ประกาศให้บริษัทออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ในแบบแสดงรายการข้อมูล การเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ 69-1) แบบแสดงรายงานประจําปี (56-1) และรายงานประจําปี (56-2) (วัชนีพร เศรษฐสักโก, 2557) ซึ่งเหตุผลของการพัฒนาการรายงานแบบบูรณาการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากหลายสาเหตุ อาทิ การรายงานผลการดำเนินงานของธุรกิจมักจะอยู่ในลักษณะแยกกันอยู่ เช่น ผลการดำเนินงานที่เป็นข้อมูลทางการเงินจะแสดงในรายงานประจำปี ส่วนข้อมูลผลการดำเนินงานของกิจการที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจะแสดงในรายงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของกิจการ ดังนั้นจึงไม่มีความเชื่อมโยงกันระหว่างข้อมูลในรายงานแต่ละชุด รวมทั้งความยุ่งยากที่เกิดขึ้นในการวัดและประเมินผล (มันทชัย สุทธิพันธ์, 2556) อีกด้วย 

 

สถานการณ์การเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน และรายงานแบบบูรณาการของบริษัทจดทะเบียนไทย 

จากแนวโน้มของการรายงานแบบบูรณาการในระดับสากลที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องดังกล่าวส่งผลให้ ก.ล.ต. ดำเนินการปรับปรุงและกำหนดแนวปฏิบัติในการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนใหม่ให้มีความเหมาะสมกับภาคธุรกิจไทยมากยิ่งขึ้น โดยบรรจุไว้ในหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนปี 2560 ซึ่งกำหนดเป็นหลักปฏิบัติที่ 7.4 ที่ระบุให้คณะกรรมการควรพิจารณาจัดทำรายงานความยั่งยืนตามความเหมาะสม โดยมีแนวปฏิบัติ (ก.ล.ต., 2560) ดังนี้ 

7.4.1 คณะกรรมการควรพิจารณาความเหมาะสมในการเปิดเผยข้อมูลการปฏิบัติตามกฎหมาย การปฏิบัติตามจรรยาบรรณ นโยบายการต่อต้านคอร์รัปชัน การปฏิบัติต่อพนักงานและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และการเคารพสิทธิมนุษยชน รวมทั้งความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงกรอบการรายงานที่ได้รับการยอมรับในประเทศหรือในระดับสากล ทั้งนี้อาจเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวไว้ในรายงานประจำปีหรืออาจจัดทำเป็นเล่มแยกต่างหากตามความเหมาะสมของกิจการ 

7.4.2 คณะกรรมการควรดูแลให้ข้อมูลที่เปิดเผยเป็นเรื่องที่สำคัญและสะท้อนการปฏิบัติที่จะนำไปสู่การสร้างคุณค่าแก่กิจการอย่างยั่งยืน 

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังกำหนดแนวปฏิบัติในการเปิดเผยข้อมูลด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบ 56-1) ประกอบด้วย 1.การประกอบกิจการด้วยความเป็นธรรม 2. การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น  3. การเคารพสิทธิมนุษยชน 4. การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม 5. ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค 6. การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม 7. การร่วมพัฒนาชุมชนหรือสังคม 8.การมีนวัตกรรมและเผยแพร่นวัตกรรม ซึ่งได้จากการดำเนินงานที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้เสียรวมเอาทั้งข้อมูลการเงินและไม่ใช่ทางการเงิน และให้แยกหัวข้อ การกำกับดูแลกิจการ และรายงานด้านสังคม/สิ่งแวดล้อมไว้ต่างหาก และยังกำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลด้านการกำกับดูแลกิจการ ความรับผิดชอบต่อสังคม ไว้ในรายงานประจำปี (56-2) ด้วย โดยให้ บจ.สามารถพิจารณารูปแบบการอธิบายได้ตามเหมาะสมที่ช่วยในการสื่อสารเพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น กราฟ ภาพประกอบ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่เปิดเผยไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดจะต้องไม่มีลักษณะเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดความจริง หรือทำให้บุคคลอื่นสำคัญผิดในข้อมูล (ก.ล.ต., 2556) 

ในส่วนของ ตลท. ได้กำหนดแนวปฏิบัติในการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งกำหนดไว้ในหมวดที่ 3 บทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย ข้อ 2 การเปิดเผยการปฏิบัติตามนโยบาย และการจัดทำรายงานความรับผิดชอบต่อสังคม (ตลท., 2555) ดังนี้ 

“2.1 บริษัทควรเปิดเผยกิจกรรมต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวข้างต้น และบริษัทควรเปิดเผยกลไกในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวข้างต้นด้วย 

 2.2 คณะกรรมการควรดูแลให้บริษัทจัดทำ รายงานแห่งความยั่งยืนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของกิจการไว้ในรายงานประจำปีหรือจัดทำ เป็นฉบับต่างหากแยกจากรายงานประจำปี” 

จากข้างต้นจะเห็นได้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลของไทยให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของ บจ.อย่างยิ่ง โดยกำหนดเป็นแนวปฏิบัติที่ชัดเจนทั้งในระดับนโยบาย และรายละเอียดของการเปิดเผยข้อมูล แต่มิได้กำหนดรูปแบบ และประเภทของการรายงานด้านความยั่งยืนไว้ ซึ่งทำให้ บจ.มีความเป็นอิสระในการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งนี้การจัดทำรายงานความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนไทยในปัจจุบันมีการเปิดเผยข้อมูล 2 แนวทาง คือ 1. เปิดเผยข้อมูลการรายงานความรับผิดชอบต่อสังคมรวมอยู่ในรายงานประจำปี โดยแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโครงการหรือกิจกรรมที่มีส่วนช่วยเหลือและสนับสนุนสังคม กลุ่มที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และ กลุ่มที่เปิดเผยข้อมูลพื้นฐานตามแนวทางการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน 2. เปิดเผยข้อมูลการรายงานความรับผิดชอบต่อสังคมโดยจัดทำเป็นรายงานความยั่งยืน โดยมีลักษณะคล้ายคลึงกับรายงานประจำปี แต่ตัดส่วนที่เป็นงบการเงินออกและอธิบายเนื้อหาในส่วนความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างละเอียด (ภัทรพงศ์ เจริญกิจจารุกร, 
2556) 

แม้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะไม่ได้ระบุให้ บจ. ต้องจัดทำรายงานความยั่งยืนในรูปแบบรายงานแบบบูรณาการ แต่จากแนวโน้มของการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนในระดับสากลที่สนับสนุนให้ บจ.มีการจัดทำรายงานแบบบูรณาการมากขึ้น ซึ่งสะท้อนได้จากการที่หน่วยงานกำกับดูแลในภูมิภาค ASEAN ได้นำแนวปฏิบัติดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2556 (ADB, 2016) จนถึงปัจจุบัน โดยกำหนดเป็นหลักเกณฑ์ในการประเมิน ASEAN CG Scorecard หมวด C บทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย ข้อ C.1.1 Does the company practice integrated report on its annual reports? (โดยเป็นข้อคะแนนแบบ Bonus) (ACMF, 2014-2016) ซึ่งจากผลการประเมินพบว่า บจ. ในภูมิภาคอาเซียนที่ทำการประเมินทั้งหมด 550 ในปี 2557 (ADB, 2016) และ บจ.ทั้งหมด 555 บริษัท ในปี 2558 (ADB, 2017) มี บจ. ของสิงคโปร์ เพียงบริษัทเดียวที่มีการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียผ่านรายงานแบบบูรณาการตามกรอบ IIRC ซึ่งรายงานผลการประเมิน ASEAN CG Scorecard ดังกล่าวยังได้เสนอแนะให้ บจ. ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะ บจ. ในประเทศไทยจัดทำรายงานแบบบูรณาการตามกรอบ IIRC เพื่อยกระดับมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานของบริษัท 

แนวปฏิบัติดังกล่าวยังปรากฎในหลักเกณฑ์การประเมินในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยที่ส่งเสริมให้ บจ.เผยแพร่ข้อมูลด้านความยั่งยืนในรูปแบบของรายงานแบบบูรณาการอีกด้วย โดยมีการกำหนดเป็นเกณฑ์การประเมินของโครงการฯ ตั้งแต่ปี 2559 ไว้ในข้อ C.29 Does the company prepare an integrated report? (โดยเป็นข้อคะแนนแบบ Bonus) (IOD, 2015) ซึ่งผลการประเมินตั้งแต่ปี 2559-2560 พบว่า ไม่มีบริษัทจดทะเบียนไทยใดที่มีการจัดทำรายงานแบบบูรณาการตามหลัก IIRC (IOD, 2016-2017) ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเรื่อง มูลค่าองค์กรกับการเปิดเผยข้อมูลตามรูปแบบของรายงานเชิงบูรณาการของ นพพร แพทย์รัตน์ และพัทธนันท์ เพชรเชิดชู (2561) พบว่า รายงานเชิงบูรณาการไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในประเทศไทย ดังนั้นองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรให้การส่งเสริมหรือสนับสนุน สร้างความรู้และความเข้าใจ เพื่อให้บริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของรายงานเชิงบูรณาการที่มีต่อการสร้างมูลค่าขององค์กรในอนาคต  

 

รายงานแบบบูรณาการ: นวัตกรรมการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสีย ? 

การเปิดเผยข้อมูลและการรายงานด้านความยั่งยืน (Sustainability Reporting) ของบริษัทจดทะเบียนไทยมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านข้อมูลข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ ผู้ถือหุ้น นักลงทุน คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้สนับสนุนทางการเงิน พนักงาน ชุมชนและสังคม เป็นต้น โดย บจ.ไทยส่วนใหญ่จะสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียผ่านการรายงานในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น  3 แบบ (อนันตชัย ยูรประถม และคณะ., 2557) ได้แก่ 

  1. Financial Reporting ซึ่งเป็นรูปแบบเดิมที่ บจ. ให้ความสำคัญในการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสีย โดยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน หรือผลประกอบการที่เป็นตัวเลขในรูปแบบรายงานทางการเงินในรายงานประจำปี เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียเห็นว่าธุรกิจมีศักยภาพในการแข่งขันและการเติบโต ซึ่งสะท้อนอยู่ในข้อมูลผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัท 
  2. Non-Financial Reporting ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจเติบโตและมีศักยภาพในการแข่งขันอาจไม่ได้เกิดจากผลประกอบการที่เป็นตัวเงินเพียงอย่างเดียว หากยังรวมถึงการดำเนินธุรกิจที่ตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างคุณค่าทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานขององค์กรในทุกมิติผ่านการเปิดเผยข้อมูลในรายงงานรูปแบบต่างๆ เช่น รายงานความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR report) รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development report : SD report) รายงานแห่งความยั่งยืน (Sustainability report) รายงานความเป็นพลเมือง (Citizenship report) รายงานไตรกำไรสุทธิ (Triple bottom line report) เป็นต้น 
  3. Integrated Reporting รายงานแบบบูรณาการเป็นรูปแบบรายงานที่นำเนื้อหาหรือประเด็นที่นำเสนอในรายงานประจำปีและรายงานแห่งความยั่งยืนมารวมกันไว้ หรือเป็นข้อมูลฉบับย่อของรายงานทั้งสองประเภท 

การจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืนดังกล่าวถือเป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งขององค์กรที่ใช้เพื่อสื่อสารผลการดำเนินงานของกิจการที่คำนึงถึงความรับผิดชอบทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ยังเป็นประโยชน์สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในการสื่อสารผลการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่ธุรกิจได้รับทราบและเกิดการยอมรับ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันและภาพลักษณ์ที่ดีของกิจการอีกด้วย  

ประเด็นท้าทายสำคัญจึงอยู่ที่การจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืนนั้นต้องมีการสื่อสารที่ดีที่สะท้อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของธุรกิจในทุกมิติที่ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งในด้านที่เป็นบวกและลบ แต่ในทางปฏิบัติพบว่าหลายๆ ธุรกิจมักเลือกที่จะนำเสนอข้อมูลในเชิงบวกแต่เพียงอย่างเดียว เช่น แสดงให้เห็นว่าธุรกิจสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกที่มีต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยพยายามหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงผลกระทบเชิงลบที่ธุรกิจยังคงไม่สามารถบริหารจัดการได้ตามเป้าหมาย เป็นต้น (อนันตชัย ยูรประถม และคณะ, 2557) ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้มีส่วนได้เสียได้รับข้อมูลข่าวสารในฐานะผู้รับสารแบบ Passive ย่อมเห็นแต่ภาพที่เป็นมุมมองในด้านที่ บจ. เลือกให้เห็น และย่อมส่งผลต่อกระบวนการสร้างการตัดสินใจของผู้มีส่วนได้เสียอีกด้วย 

อย่างไรก็ดีการให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอย่างถูกต้องจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดังนั้นการเปิดเผยข้อมูลที่เพียงพอ จึงไม่ได้คำนึงเฉพาะข้อมูลทางการเงินที่เป็นตัวเลขในเชิงปริมาณเท่านั้น หากแต่ต้องให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่ไม่ใช่ตัวเงินในเชิงคุณภาพด้วย (Natural Heritage Trust, 2000) เพราะผู้มีส่วนได้เสียมีความต้องการด้านข้อมูลข่าวสารที่มีความน่าเชื่อถือผ่านมุมมองของผลการดำเนินงานที่ครบถ้วน เพียงพอ และทันเวลา ทั้งในด้านบวกและลบ เพื่อช่วยลดความไม่สมดุลในการรับรู้ข้อมูลของผู้บริหารและบุคคลภายนอกที่เป็นเจ้าของทุน (Lee and Yeo, 2016) จากการได้รับข้อมูลสารสนเทศ (Information) ที่ครบถ้วน ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการวางแผน ตัดสินใจและควบคุม (Transformation)  

ด้วยเหตุนี้นักลงทุนและผู้ถือหุ้นเริ่มเรียกร้องความโปร่งใส และการสื่อสารที่ตรงจุดมากขึ้นจากภาคธุรกิจในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสร้างมูลค่าในอนาคตของกิจการ (สมชาย ศุภธาดา, 2559) ความคิดแบบบูรณาการที่ฝังอยู่ในกิจกรรมขององค์กรยิ่งมากเท่าไหร่การเชื่อมโยงข้อมูลการไหลเข้าของข้อมูลจะมีส่วนช่วยในการรายงานการวิเคราะห์และการตัดสินใจมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังนำไปสู่การรวมระบบข้อมูลที่สนับสนุนการรายงานและการสื่อสารภายในและภายนอกในรูปแบบของการจัดทำรายงานแบบบูรณาการ  

ทั้งนี้การพิจารณาจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืนอาจทำได้โดยแยกไว้เป็นเล่มต่างหาก หรือรวมเข้าไว้ในรายงานประจำปีขององค์กร เพื่อทำให้รายงานประจำปีได้รับการพัฒนามากยิ่งขึ้น โดยมุ่งสื่อสารไปที่ผู้รับสารที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียขององค์กร มีความโดดเด่นและเป็นส่วนหนึ่งของรายงานประจำปี ความแตกต่างอยู่ที่การรวมรายงานทางการเงินและรายงานที่ไม่ใช่การเงินเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งจะทำให้รายงานดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างแท้จริง ทั้งนี้ บจ.สามารถพิจารณาถึงรูปแบบและลักษณะการรายงานด้านความยั่งยืนที่เหมาะสมกับรูปแบบและขนาดของธุรกิจได้ ซึ่งลักษณะของการรายงานด้านความยั่งยืนมีดังนี้ 

ตารางเปรียบเทียบลักษณะของการจัดทำรายงานประจำปีแบบเดิม รายงานความยั่งยืน 

และรายงานแบบบูรณาการ

ลักษณะ Characteristics การจัดทำรายงานประจำปีแบบเดิม1 Conventional AR การจัดทำรายงานความยั่งยืน2 SD Report การจัดทำรายงานแบบบูรณาการ1,3 Integrated Report
ความน่าเชื่อถือ เปิดเผยในแวดวงจำกัด เปิดเผยในระดับสากล เปิดเผยอย่างโปร่งใสมากขึ้นในระดับสากล
ขอบเขต รายงานด้านการเงิน มุ่งเน้นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รายงานครอบคลุมทุกด้าน
กลุ่มเป้าหมาย นักลงทุน ผู้มีส่วนได้เสีย นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย
แนวคิด แยกส่วน แยกส่วน บูรณาการ
เรื่องที่ให้ความสำคัญ เรื่องในอดีตและตัวเลขทางการเงิน เรื่องในอดีต ข้อมูลทั้งที่เป็นตัวเลขสถิติและการปฏิบัติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เรื่องทั้งในอดีตและอนาคตที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กร
การจัดสรรทรัพยากร เน้นทุนทางการเงิน เน้นทุนทางการเงิน ทุนทุกรูปแบบ
ช่วงระยะเวลา ระยะสั้น ระยะสั้น ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว
การปรับตัว ยึดกับกฎระเบียบ ยึดแนวทางตามหลัก GRI เป็นตามสถานการณ์
ความกระชับ ไม่กระชับและซับซ้อน กระชับ กระชับและเน้นในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ
การใช้เทคโนโลยี ทำโดยตีพิมพ์เป็นเล่ม ทำโดยตีพิมพ์เป็นเล่ม และมีการใช้เทคโนโลยี เน้นการใช้เทคโนโลยี

หมายเหตุ

1 สถาบันกรรมการบริษัทไทย. (2556). นิตยสาร Boardroom Vol.28 Issue 3/2013 May-June 2013.
2 อรุณี ตันติมังกร และ ศุภกร เอกชัยไพบูลย์. (2560). กระแสการลงทุนกับการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย: กรุงเทพฯ.
3 สมชาย ศุภธาดา. (2559). โฉมหน้าการสื่อสารในทศวรรษหน้า : การรายงานเชิงบูรณาการและรายงานผู้สอบบัญชีแบบใหม่.

จากตารางในข้างต้นอาจกล่าวได้ว่าการรายงานแบบบูรณาการมีความแตกต่างกับรายงานความยั่งยืนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในส่วนของวิธีการสื่อสารของ บจ.ไทยในการเชื่อมโยงรูปแบบการดำเนินธุรกิจและตัวชี้วัดด้านความยั่งยืนต่างๆ เข้าด้วยกันทั้งในระยะสั้น กลาง ยาวที่ครอบคลุมมากกว่ารายงานประเภทอื่นๆ ทั้งยังเป็นกระบวนทัศน์ของการรายงานแบบใหม่ที่เชื่อมโยง กลยุทธ์ ผลการดำเนินงาน การใช้ทรัพยากรในหลายช่วงเวลาเข้าไว้ด้วยกัน โดยเน้นการเปิดเผยการขับเคลื่อนคุณค่า (Value Driver) ขององค์กรในปัจจุบัน และรายงานให้มีความหมายมากขึ้น (Sarah Adams Roger Simnett, 2011) ซึ่งถือเป็นการยกระดับการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยนวัตกรรม จากการประยุกต์ใช้แนวคิด วิธีการ หรือกระบวนการใหม่ๆ ที่ส่งผลต่อกระบวนการสื่อสาร และการดำเนินงานขององค์กรโดยรวมให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเป็นทั้งความคิดใหม่ วีธีการ การกระทำ หรือสิ่งใหม่ ๆ อาทิ สื่อ เทคโนโลยี อุปกรณ์ หรือเครื่องมื่อการสื่อสารที่มนุษย์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การแก้ไขปัญหา หรือพัฒนาวิถีการดำรงชีวิตหรือการทำงานให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม (วรวุฒิ ภักดีบุรุษ, 2560) 

รายงานแบบบูรณาการจึงถือเป็นนวัตกรรมการการสื่อสารรูปแบบใหม่สำหรับบริษัทจดทะเบียนไทย โดยเป็นนวัตกรรมกระบวนการ (Process Innovation) ในการรายงานผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนขององค์กรทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงินด้วยวิธีการใหม่ และเป็นการเปลี่ยนแนวทาง หรือวิธีการเผยแพร่ผลการดำเนินงานในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากเดิม เพราะรายงานทางการเงินแบบเดิมจะทำหน้าที่เพียงการให้ข้อมูลสารสนเทศ ส่วนรายงานเพื่อความยั่งยืนจะทำหน้าที่เพียงการแปลงข้อมูลเท่านั้น ในขณะที่รายงานเชิงบูรณาการสามารถทำหน้าที่ให้ข้อมูลแก่ผู้มีส่วนได้เสียทั้งสองมิติได้พร้อมกัน (Eccles and Serafeim, 2014) นอกจากนี้รายงานแบบบูรณาการยังเป็นการสร้างความเข้าใจที่ดีกับผู้มีส่วนได้เสียในการสร้างมูลค่าให้ขององค์กรส่งผลทำให้ทราบถึงข้อมูลเพิ่มเติมที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจ (Burke and Clark, 2016) อีกด้วย 

การเปิดเผยข้อมูลในรายงานเชิงบูรณาการยังเป็นวิธีการที่ทำให้ความไม่เท่าเทียมกันของข้อมูลระหว่างเจ้าของและผู้บริหาร (Asymmetric Information) ลดลง นอกจากนั้นเจ้าของยังสามารถรับรู้ถึงความพยายามในการทำงานของผู้บริหารให้ทราบถึงการใช้ทุนต่างๆ ผ่านกิจกรรมในการสร้างมูลค่าให้กับองค์กร และยังเป็นการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียให้ทราบถึงการใช้ทุนต่างๆ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ในการสร้างมูลค่าให้กับองค์กร แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้บริหารในการเปิดเผยข้อมูล (นพพร แพทย์รัตน์ และพัทธนันท์ เพชรเชิดชู, 2561) 

เมื่อพิจารณาที่เนื้อหา (Content) ของรายงานแบบบูรณาการ พบว่าเนื้อหามุ่งเน้นไปที่การสื่อสารที่ครอบคลุมในทุกมิติทั้งข้อมูลทั่วไป ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อธุรกิจ รูปแบบธุรกิจ ตลอดจนผลการดำเนินงาน การสร้างคุณค่า และแนวโน้มในอนาคตที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ ซึ่งแตกต่างจากการรายงานความยั่งยืนในรูปแบบอื่นที่แยกส่วนอธิบาย ทำให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้าใจคลาดเคลื่อนและไม่สามารถเชื่อมโยงภาพรวมของการดำเนินงานในด้านต่างๆ เข้าด้วยกันได้ เนื้อหาของรายงานแบบบูรณาการจึงโดดเด่นและครอบคลุมประเด็นสำคัญมากกว่ารายงานด้านความยั่งยืนรูปแบบอื่นของไทย ดังแสดงให้เห็นในตารางที่ 2 

ตารางที่ 2 เปรียบเทียบเนื้อหาของการรายงานด้านความยั่งยืนต่างๆ ตามกรอบการรายงานของ IR

ประเด็นเนื้อหาตามกรอบ IR5 56-11 AR1 CSR Report2 SD Report3,4
ข้อมูลทั่วไปขององค์กร
⦁ วัฒนธรรมองค์กร - - - -
⦁ ค่านิยมขององค์กร - -
⦁ ค่านิยมขององค์กร - -
⦁ จริยธรรมองค์กร -
⦁ วิสัยทัศน์ พันธกิจ
⦁ โครงสร้างการจัดการและการเป็นเจ้าของ -
⦁ กิจกรรมและตลาดหลัก
⦁ ภาวการณ์แข่งขันและตำแหน่งทางการตลาด
⦁ ตำแหน่งภายในห่วงโซ่คุณค่า - - *
(คำนึงถึงคุณค่าร่วม แต่ไม่ระบุตำแหน่ง)
*
(คำนึงถึงคุณค่าร่วม แต่ไม่ระบุตำแหน่ง)
⦁ ข้อมูลสถิติที่สำคัญ (เช่น จำนวนพนักงาน รายได้)
⦁ ปัจจัยที่กระทบต่อสภาพแวดล้อมภายนอกและการตอบสนองขององค์กร
สภาพแวดล้อมภายนอกที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
⦁ ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และการสร้างคุณค่าในระยะสั้น กลาง และยาว ทั้งทางตรงและทางอ้อม (เช่นกฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและการเมือง เป็นต้น) - - *
(ขาดระยะ กลาง)
*
(ขาดระยะ กลาง)
การกำกับดูแลกิจการ
⦁ โครงสร้างการเป็นผู้นำขององค์กร
⦁ กระบวนการสร้างการตัดสินใจ การกำหนดนโยบาย การกำกับดูแลวัฒนธรรม จรรยาบรรณ และจริยธรรมองค์กร *
(ขาดกระบวนการสร้างการตัดสินใจ)
*
(ขาดกระบวนการสร้างการตัดสินใจ)
*
(ขาดกระบวนการสร้างการตัดสินใจ)
*
(ขาดกระบวนการสร้างการตัดสินใจ)
⦁ การติดตามดูแลการปฏิบัติตามนโยบาย และการจัดการความเสี่ยง
⦁ ผลกระทบด้านวัฒนธรรม จริยธรรม และคุณค่าขององค์กรที่มีต่อทุน รวมทั้งความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก - -
⦁ การปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการ
⦁ ความรับผิดชอบในการกำกับดูแลเพื่อส่งเสริม และทำให้เกิดนวัตกรรม - - -
⦁ ค่าตอบแทนที่เชื่อมโยงการสร้างคุณค่าทั้งระยะสั้น กลาง และยาว - - - *
(ขาดระยะต่างๆ)
รูปแบบธุรกิจ (Business Model)
การระบุและอธิบายความสัมพันธ์ของแต่ละองค์ประกอบที่ชัดเจน ทั้ง ปัจจัยนำเข้า กิจกรรมทางธุรกิจ ผลลัพธ์ และผลสัมฤทธิ ในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียสำคัญ โดยเชื่อมโยงกับข้อมูลต่างๆ เช่น กลยุทธ์ ความเสี่ยง โอกาส และผลการดำเนินงานขององค์กร เข้าไว้ด้วยกัน - - - -
ความเสี่ยงและโอกาส
⦁ ความเสี่ยงหลัก ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
⦁ การจัดการความเสี่ยง หรือโอกาสที่จะบรรลุผล
การจัดสรรทรัพยากร และกลยุทธ์
สะท้อนการสร้างคุณค่าในด้านต่าง ๆ เช่น นวัตกรรม การพัฒนาและใช้ประโยชน์จากทุนทางปัญญา การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยการปลูกฝังการใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมไว้ในกลยุทธ์ขององค์กร ดังนี้
⦁ วัตถุประสงค์ของกลยุทธ์องค์กร ทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว *
(ขาดระยะต่างๆ)
*
(ขาดระยะต่างๆ)
*
(ขาดระยะต่างๆ)
*
(ขาดระยะยาว)
⦁ แผนกลยุทธ์ในการจัดสรรทรัพยากร - - - -
⦁ การวัดผลความสำเร็จตามเป้าหมาย ทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว - - - -
ผลการดำเนินงาน
⦁ ตัวชี้วัดเชิงปริมาณเกี่ยวกับเป้าหมาย ความเสี่ยง และโอกาส - - - -
⦁ ผลกระทบต่อทุนจากการดำเนินงานขององค์กรทั้งเชิงบวกและลบ - - -
⦁ ความสัมพันธ์และการตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้เสียหลัก
⦁ การเชื่อมโยงผลการดำเนินงานในอดีตและปัจจุบัน และปัจจุบันกับแนวโน้มในอนาคตขององค์กร - - -
แนวโน้มในการดำเนินธุรกิจ
⦁ ความคาดหวังขององค์กรเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่องค์กรต้องเผชิญทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว - - - *
(ขาดระยะยาว)
⦁ สภาพแวดล้อมภายนอกมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ - -
⦁ การตอบสนองขององค์กรต่อความท้าทายและความไม่แน่นอนอันเกิดจากสภาพแวดล้อมภายนอก - -
แนวทางการจัดเตรียมและการนำเสนอ
⦁ การอธิบายแบบสั้น กระชับ ได้ใจความ *
(ขึ้นอยู่กับ บจ.)
*
(ขึ้นอยู่กับ บจ.)
⦁ การระบุบทบาทของผู้ที่กำกับดูแลกิจการ และบุคลากรสำคัญ
⦁ การอธิบายรายละเอียดของกระบวนการตรวจสอบ

หมายเหตุ

1. คู่มือการจัดทำแบบแสดงรายการข้อมูล แบบ 56-1 แบบ 69-1, ก.ล.ต. 2556
2. คู่มือจัดทำแบบแสดงข้อมูลเพื่อการประเมิน CSR, สถาบันไทยพัฒน์. 2557
3. แนวทางการจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืน, สถาบันไทยพัฒน์และตลาดหลักทรัพย์. 2555
4. G4 Sustainability Reporting Guidelines, Global Reporting Initiative (GRI). 2013
5. The International <IR> Framework, The International Integrated Reporting Council (IIRC). 2013

จากตารางในข้างต้นจะเห็นได้ว่าการเปิดเผยข้อมูลในแบบแสดงรายการ 56-1 นั้นเป็นการสะท้อนถึงสถานะของข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และมองการดำเนินงานขององค์กรในภาพรวมมากกว่ามุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืนเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถศึกษาติดตามข้อมูลที่สำคัญของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทจดทะเบียนเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งเป็นเพียงข้อกำหนดขั้นต่ำที่จะต้องเปิดเผยเท่านั้น 

 ส่วนรายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะมุ่งเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่องค์กรจัดทำขึ้นเพื่อสนองความต้องการในปัจจุบันและการทำกำไรได้ในระยะยาว โดยเป็นการสื่อสารผลการดำเนินงานขององค์กรทั้งในด้านบวกและลบ ซึ่งครอบคลุมมากกว่ารายงานทางการเงิน เพราะสามารถสะท้อนข้อมูลของผลประกอบการโดยรวมให้แก่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า ชุมชน และผู้มีส่วนได้เสียอื่นได้อย่างครบถ้วน แต่ยังขาดมิติของการเชื่อมโยงองค์ประกอบของความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งนี้ในบางบริษัทได้รวมเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งของรายงานประจำปีด้วย 

แม้ว่ารายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรายงานแบบบูรณาการจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่รายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืนถือเป็นองค์ประกอบภายในที่สำคัญของการจัดทำรายงานแบบบูรณาการ เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งเน้นความยั่งยืนจากการดำเนินงานขององค์กร และผลกระทบของแนวโน้มความยั่งยืนในด้านต่างๆ ความเสี่ยง และโอกาสในระยะยาวเข้ากับผลการดำเนินงานที่เป็นตัวเงิน การระบุทรัพยากรที่ใช้ รวมถึงกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ การประเมินผลความสามารถในการบรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งช่วยขยายขอบเขตและการเชื่อมโยงผลการดำเนินทั้งระยะสั้น กลาง และยาวไปสู่การสร้างคุณค่าขององค์กรผ่านการจัดสรรทุนทุกรูปแบบ อันเป็นนวัตกรรมการสื่อสารที่เข้ามาช่วยปรับปรุงกระบวนการสื่อสารระหว่างองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

ความท้าทายของการรายงานแบบบูรณาการ 

การรายงานแบบบูรณาการยังเป็นเรื่องท้าทายสำหรับ บจ.ไทย เพราะผู้บริหารระดับสูงหรือเจ้าของธุรกิจต้องเห็นถึงความสำคัญ ซึ่งองค์กรจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั่นก็ขึ้นอยู่กับการสื่อสารที่ชัดเจน ดังนั้นฝ่ายหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบที่จะนำรายงานแบบบูรณาการไปประยุกต์ใช้ต้องสามารถเป็นตัวแทนขององค์กรในการสื่อสารผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนได้ในทุกมิติ และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับทุกฝ่ายให้เกิดขึ้น เพื่อประสานความร่วมมือและสร้างกระบวนการรายงานแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพได้ ซึ่ง บจ.ต้องเผชิญกับความท้าทายดังต่อไปนี้ 

การปลูกฝังความคิดแบบบูรณาการ  

อาจกล่าวได้ว่ากรอบการรายงานมุ่งเน้นไปที่การรายงานการปฏิบัติในด้านต่างๆที่ชัดเจน ซึ่งในหลายองค์กรมีสิ่งที่ควรทำควบคู่กันเพื่อให้บรรลุผล คือการประยุกต์ใช้แนวคิดด้านการบูรณาการ (Integrated Thinking) ทั่วทั้งองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำรายงานเกิดประสิทธิผล เพราะต้องอาศัยข้อมูลเชิงลึกและการขยายไปสู่ชุดของข้อมูลที่กว้างขึ้น โดยเป็นการพิจารณาข้อมูลในเชิงรุกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแนวปฏิบัติในดำเนินงานต่างๆ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทุนต่างๆที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์กร ซึ่งความคิดแบบบูรณาการจะนำไปสู่การสร้างการตัดสินใจแบบบูรณาการ และการกระทำต่างๆที่คำนึงถึงการสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน 

คุณภาพของข้อมูล  

ข้อมูลที่จะนำมาบรรจุลงในรายงานแบบบบูรณาการต้องเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลด้านการดำเนินงานขององค์กรทั้งที่เป็นตัวเงิน และไม่ใช่ตัวเงิน ผ่านการจัดการทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ประเด็นท้าทายสำคัญจึงอยู่ที่การนำข้อมูลเชิงเทคนิคทั้งจากภายนอกและภายในที่จะนำมาใช้ในการประกอบการอธิบาย ซึ่งต้องพิจารณาถึงความถูกต้องและเหมาะสมของข้อมูล มีคุณภาพที่ดี มีตัวชี้วัดที่เหมาะสมในการวัดผล โดยเฉพาะข้อมูลการดำเนินงานที่ไม่ใช่ทางการเงิน Deloitte, 201  

รายงานให้สั้น กระชับ ชัดเจนและเปรียบเทียบกันได้  

สำหรับรูปแบบการรายงานเชิงบูรณาการสามารถจัดทำเพียงฉบับเดียวหรือควบคู่กับรายงานประจำปี และรายงานความยั่งยืนแบบเดิมได้ แต่ต้องสามารถทำให้ผู้มีส่วนได้เสียสังเกตเห็นได้ มีความโดดเด่นและชัดเจน แม้ว่าข้อมูลผลการดำเนินงานขององค์กรด้านความยั่งยืนจะมีมากมาย ความท้าทายสำคัญจึงเป็นเรื่องของการรายงานให้สั้น กระชับ ได้ใจความที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยยังต้องคำนึงถึงความสม่ำเสมอและสามารถเปรียบเทียบข้อมูลต่างๆ ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ข้อมูลทางการเงินและข้อมูลที่ไม่ใช่การเงินได้อย่างชัดเจน รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศอื่นๆขององค์กรและข้อมูลจากแหล่งภายนอกอื่นที่สามารถนำไปสู่การเปรียบเทียบในช่วงเวลาต่างๆและกับองค์กรอื่นๆได้อีกด้วย   

การบูรณาการการสื่อสารในทุกมิติ  

การสื่อสารถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร ซึ่งผู้นำที่ดีต้องมีทักษะและจรรยาบรรณ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าองค์กรมีการสื่อสารในประเด็นต่างๆที่มีผลต่อการสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะนอกจากจะสร้างความสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นภายในองค์กรระหว่างผู้บริหารระดับสูงกับพนักงานในทุกระดับชั้นแล้ว ยังช่วยในการส่งผ่านแนวคิด วิสัยทัศน์ ค่านิยมและวัฒนธรรมขององค์กร เพื่อดำเนินไปยังทิศทางที่วางเป้าหมายไว้ด้วยความร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว นอกจากนี้ยังมีผลต่อผู้มีส่วนได้เสียภายนอกองค์กร โดยการสื่อสารผลการดำเนินการ เพื่อให้เกิดการสนับสนุนการบริหารองค์กรให้ประสบความสำเร็จ องค์กรจึงต้องบูรณาการการสื่อสารในทุกรูปแบบ ทั้งการสื่อสารภายใน การสื่อสารสาธารณะ การสื่อสารในภาวะวิกฤติ การสื่อสารการตลาด การสื่อสารมวลชน ฯลฯ เข้าไว้ด้วยกันและสื่อสารต่อผู้มีส่วนได้เสียด้วยรูปแบบและวิธีการที่เหมาะสม 

การแสดงความสัมพันธ์ของการสร้างคุณค่า  

เป็นการแสดงความสัมพันธ์ในการสร้างคุณค่า (Value Creation) ในรูปแบบธุรกิจ ทุนต่างๆ และแนวคิดของการเชื่อมโยง โดยองค์กรต้องระบุปัจจัยที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ปัจจัยนำเข้า (Inputs) กิจกรรม (Activities) ผลลัพธ์ (Outputs) และผลสัมฤทธิ (Outcomes) ซึ่งองค์กรต้องตอบให้ได้ว่ามีการใช้ทรัพยากรใด ทั้งทรัพยากรที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน ตลอดจนทุนทุกรูปแบบที่เป็นปัจจัยหลักต่อการสร้างคุณค่าในระยะสั้น กลาง และระยะยาวของกิจการ ได้แก่ ทุนทางการเงิน ทุนในการผลิต ทุนทางปัญญา ทุนมนุษย์ ทุนทางสังคม ทุนทางความสัมพันธ์ และทุนทางธรรมชาติ เป็นต้น โดยการแปลงทุนทุกรูปแบบไปสู่กิจกรรมทางธุรกิจ และการมีปฏิสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อสร้างผลผลิตและผลประโยชน์อื่นๆทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว นอกจากนี้องค์กรยังต้องระบุกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มให้ชัดเจน กิจการจะต้องคิดให้รอบคอบถึงความสัมพันธ์ต่างๆที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มไม่เฉพาะแต่ความสัมพันธ์ภายในห่วงโซ่อุปทานของกิจการเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงปัจจัยอื่นๆที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า สัมพันธภาพที่มีต่อชุมชน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น (ACCA, 2018) 

การอธิบายบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการในการสร้างคุณค่า 

เรื่องของความยั่งยืนเป็นเรื่องของกลยุทธ์ที่จะต้องกำหนดขึ้นในระดับคณะกรรมการ ความยั่งยืนคือการพัฒนาการการปฏิบัติงานขององค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีทรัพยากรเพียงพอในระยะยาวโดยการใส่ใจในสิ่งแวดล้อม สังคม และผ่านการดำเนินงานอย่างโปร่งใส ดังนั้นความท้าทายของคณะกรรมการคือการพิจารณาเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรืออาจก่อให้เกิดผลเสียหายต่อองค์กรให้ได้ นอกจากนี้คณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงทุกคนต้องเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างผลการดำเนินงานกับวัตถุประสงค์ ความเชื่อมโยงระหว่างความเสี่ยงและผลการดำเนินงาน รวมถึงมีความเข้าใจว่าแรงจูงใจใดที่จะนำไปสู่การพัฒนาวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์เหล่านั้น และถามตัวเองว่าจะเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กรได้อย่างไร และจะมีความเสี่ยงอะไรหากองค์กรไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งจะช่วยสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้กับองค์กร 

การอภิปรายถึงแนวโน้มขององค์กร 

เนื่องจากรายงานแบบบูรณาการสร้างขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับผู้มีส่วนได้เสียในการพิจารณาโอกาสระยะยาวในบริษัทที่ตนสนใจเลือกจะลงทุน ข้อมูลแนวโน้มขององค์กรในอนาคตจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผู้รับสารเข้าใจถึงคุณค่าทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้องค์กรยังไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการคาดการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่องค์กรส่วนใหญ่มักระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลประเภทนี้เสมอ (KPMG,2012) จึงเป็นเรื่องท้าทายที่องค์กรจะนำเสนอข้อมูลได้อย่างโปร่งใส นอกจากนี้ข้อมูลที่องค์กรนำมาใช้ประกอบการทำนายส่วนใหญ่ยังเป็นข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับลักษณะและขนาดธุรกิจของตนเอง ข้อมูลยังเป็นทุติยภูมิที่ขาดการวิเคราะห์ให้เข้ากับแนวโน้มขององค์กรที่มุ่งจะดำเนินไป ด้วยเหตุนี้องค์กรจึงควรพิจารณาเปิดเผยรายละเอียดที่ผู้อ่านจะสามารถเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างเพียงพอ มีคำอธิบายถึงวิธีการบริหารจัดการเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และทำให้เห็นมุมมองเกี่ยวกับองค์ประกอบทั้งระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้นของการประเมินคุณค่าอย่างชัดเจน (KPMG, 2012) 

การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้กับการรายงาน 

ความท้าทายที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการใช้เทคโนโลยีใหม่ในรายงานแบบบูรณาการ ซึ่ง บจ.ไทยส่วนใหญ่มีการเผยแพร่รายงานความยั่งยืนผ่านทางเวปไซต์ในรูปแบบของเอกสารไฟล์ PDF หรือเป็นแบบ E-Book อยู่แล้ว แต่นั่นอาจยังไม่เพียงพอต่อการรายงานในรูปแบบใหม่นี้ องค์กรยังต้องพิจารณาในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสารเข้ามาช่วยขยายขอบเขตการสื่อสารข้อมูลที่มีอยู่มากมายให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถเข้าใจได้อย่างสะดวก รวดเร็ว กระชับ ชัดเจนและสามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านข้อมูลที่หลากหลายของนักลงทุนได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังต้องดึงดูดความสนใจไปพร้อมกับการสร้างคุณค่าและภาพลักษณ์ขององค์กรด้วยนวัตกรรมสื่อสมัยใหม่ เช่นการสร้างลิงค์เชื่อมโยงในรายงานไปยังไฟล์วิดีโอหรือเสียงที่เกี่ยวข้องอื่นๆ การใช้เทคโนโลยี Augmented Reality / Virtual Reality  การรายงานสถิติแบบ Real time ตามที่ผู้มีส่วนได้เสียสนใจ รายงานที่สามารถอ่านและใช้ได้กับทุกอุปกรณ์และทุกระบบปฏิบัติการ เป็นต้น 

 บทสรุปและข้อเสนอแนะ 

อาจกล่าวได้ว่าการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนขององค์กรเป็นผลมาจากแนวโน้มการลงทุนอย่างรับผิดชอบที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ลงทุนมีความต้องการข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง และโปร่งใส เพื่อใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุน ทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการการเพิ่มมูลค่าของราคาหลักทรัพย์และดึงดูดความสนใจของผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น ตลอดจนหน่วยงานกำกับดูแลที่ต้องการให้บริษัทต่าง ๆ มีรายงานเพียง 1 ฉบับ ที่ครอบคลุมองค์ประกอบของความยั่งยืนใน 3 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม การรายงานแบบบูรณาการ (Integrated Report: IR) จึงถือกำเนิดขึ้นและกลายเป็นนวัตกรรมการสื่อสารรูปแบบใหม่ในการรายงานผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนขององค์กร ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงินด้วยวิธีการใหม่ และเป็นการเปลี่ยนแนวทาง หรือวิธีการเผยแพร่ผลการดำเนินงานในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากเดิม ทั้งยังเป็นวิธีการสื่อสารที่ทำให้ความไม่เท่าเทียมกันของข้อมูลระหว่างเจ้าขององค์กร ผู้บริหาร และผู้มีส่วนได้เสียลดลงอีกด้วย  

แม้ว่ารายงานแบบบูรณาการจะมีความคล้ายคลึงกับรายงานประจำปี และรายงานความยั่งยืน (SD Report) ก็ตาม แต่ความแตกต่างอยู่ที่การเชื่อมโยงผลการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน โดยสะท้อนให้เห็นว่าในวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม กลยุทธ์ และสิ่งที่ธุรกิจดำเนินการทั้งหมดมีผลต่อการสร้างคุณค่าทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคตอย่างไรด้วยทุน (Capital) ที่มีอยู่ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประสิทธิภาพในการสร้างคุณค่าจากการจัดสรรทุนทางธุรกิจที่มีอยู่ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มประยุกต์ใช้กรอบการรายงานแบบบูรณาการเพิ่มมากขึ้น  

อย่างไรก็ตามแม้หน่วยงานกำกับดูแลในประเทศไทยต่างให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของ บจ.เป็นอย่างยิ่ง แต่กลับมิได้กำหนดให้ บจ. ต้องรายงานตามกรอบการรายงานแบบบูรณาการไว้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ยังไม่มี บจ.ไทยใดที่มีการจัดทำรายงานแบบบูรณาการตามหลัก IIRC จากการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการทั้งในระดับอาเซียน (ASEAN CG Scorecard) และระดับประเทศ (CGR) ดังนั้นองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรให้การส่งเสริมหรือสนับสนุน สร้างความรู้และความเข้าใจ เพื่อให้บริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ ทั้งยังสามารถรับมือกับความท้าทายในการจัดทำรายงานแบบบูรณาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้รายงานรูปแบบใหม่นี้สามารถเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสื่อสารที่สำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การสร้างมูลค่า และคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับบริษัทจดทะเบียนไทยและตลาดทุนไทยในอนาคต 

รายการอ้างอิง 

ภาษาไทย 

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ตลท.. (2555). หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี สำหรับบริษัทจดทะเบียนปี 2555. ฝ่ายพัฒนาธรรมาภิบาลเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย.  

นพพร แพทย์รัตน์ และพัทธนันท์ เพชรเชิดชู. (2561). มูลค่าองค์กรกับการเปิดเผยข้อมูลตามรูปแบบของรายงานเชิงบูรณาการ. วารสารวิชาการ สุทธิปริทัศน์ ปีที่ 32 ฉบับที่ 101 มกราคม มีนาคม 2561. 

นายธงชัย บุณยโชติมา. (2558).  Integrated Report – รายงานความยั่งยืนที่ครอบคลุม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม. [ออนไลน์]แหล่งที่มา:  

ภัทรพงศ์ เจริญกิจจารุกร. (2556). การเปรียบเทียบรูปแบบ แนวทาง: การเปิดเผยข้อมูล และการจัดทำรายงานความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน และกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร. วารสารพัฒนบริหารศาสตร์ ปีที่ 53 ฉบับที่ 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2556). 

มันทชัย สุทธิพันธ์, ดร.. (2556). ทางออกของธุรกิจไทยสู่หนทางแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน. วารสารบริหารธุรกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 137 มกราคม-มีนาคม 2556. คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. 

วัชนีพร เศรษฐสักโก,ดร.. (2557). เมื่อ…บัญชีมีบทบาทในการจัดทํารายงานความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม. วารสารวิชาชีพบัญชี ปีที่ 10 ฉบับที่ 28 สิงหาคม 2557. 

วรวุฒิ ภักดีบุรุษ. (2560). นวัตกรรมการสื่อสารเพื่อการจัดการแบรนด์องค์กรของธนาคารพาณิชย์ไทย: กรณีศึกษาธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน). วารสารนักบริหาร ปีที่ 37 ฉบับที่1 มกราคม-มิถุนายน 2560. 

สถาบันกรรมการบริษัทไทย. (2560). การเปิดเผยข้อมูลของบริษัท: สิ่งที่นักลงทุนสนใจนอกเหนือไปจากมาตรการทางการเงิน. นิตยสาร Boardroom Vol.54 Issue 05/2017 September-October 2017. 

——————————–. (2556). A New Step of Sustainability Report: ก้าวใหม่ของการจัดทำรายงานความยั่งยืน. นิตยสาร Boardroom Vol.28 Issue 3/2013 May-June 2013.  

สถาบันไทยพัฒน์. (2557). คู่มือจัดทำแบบแสดงข้อมูลเพื่อการประเมิน CSR. สถาบันไทยพัฒน์: กรุงเทพฯ. 

สถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และณัฐศิริ บุญชวน. (2555). แนวทางการจัดทำรายงานแห่งความยั่งยืน. สถาบันธุรกิจเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย: กรุงเทพฯ. 

สมชาย ศุภธาดา. (2559). โฉมหน้าการสื่อสารในทศวรรษหน้า : การรายงานเชิงบูรณาการและรายงานผู้สอบบัญชีแบบใหม่. วารสารวิชาชีพบัญชี ปีที่ 12 ฉบับที่ 34 มิถุนายน 2559. 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.). (2556). คู่มือจัดทำแบบแสดงรายการข้อมูล แบบ 56-1 แบบ 69-1. ฝ่ายพัฒนาบริษัท สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์: กรุงเทพฯ. 

———————————————————————————–. (2560). หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนไทย ปี 2560. 

อนันตชัย ยูรประถม, จรัสวรรณ กิตติสุนทรากุล, วิชญ์พล บัญชาวชิระชัย, เสาวพร วิทยะถาวร, นรีรัตน์ สันธยาติ และจิวัสสา ติปยานนท์. (2557). ไขความหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน. หจก.วนิดาการพิมพ์: นนทบุรี. 

อรุณี ตันติมังกร และ ศุภกร เอกชัยไพบูลย์. (2560). กระแสการลงทุนกับการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย: กรุงเทพฯ. 

 

ภาษาอังกฤษ 

ACCA. (2018). Insights into integrated reporting 2.0: walking the talk. The Association of Chartered Certified Accountants. March 2018. 

ACMF. (2014). ASEAN Corporate Governance Scorecard. 

Asian Development Bank (ADB). (2017). ASEAN Corporate Governance Scorecard Country Reports and Assessment 2015. Asian Development Bank : Philippines. 

——————————————-. (2016). ASEAN Corporate Governance Scorecard Country Reports and Assessment 2014. Asian Development Bank: Philippines. 

Burke, J. J., & Clark, C. E. (2016). The business case for integrated reporting: Insights from leading practitioners, regulators, and academics. Business Horizons. 

Deloitte. (2015). Integrated Reporting as a driver for Integrated Thinking?. Maturity of <IR> in the Netherlands 2015. 

Eccles, R. G., & Serafeim, G. (2014). Corporate and integrated reporting: A functional perspective. 

  1. (2013). The concept of “value creation” in Integrated Reporting. Integrated Reporting Update : August 2013.

— (2014). IIRC Integrated Reporting Framework: Executive summary. EYGM Limited. 

Global Reporting Initiative (GRI). (2013). G4 Sustainability Reporting Guidelines. Global Reporting Initiative: Netherlands. 

KPMG. (2011). Integrated Reporting: Performance insight through Better Business Reporting. Issue 1. 

——–. (2012). Integrated Reporting: Performance insight through Better Business Reporting. Issue 2. 

——–. (2017). The road ahead: The KPMG Survey of Corporate Responsibility Reporting 2017. KPMG International Cooperative. 

Lee, K. W., & Yeo, G. H. H. (2016). The association between integrated reporting and firm valuation. Review of Quantitative Finance and Accounting. 1221-1250. 

Natural Heritage Trust. (2000). A Framework for Public Environment Reporting: An Australian Approach. Canberra: Environment Australia. 

PricewaterhouseCoopers (Pwc). (2012). Integrated Reporting – The Future of Corporate Reporting. PricewaterhouseCoopers AG Wirtschaftsprüfungsgesellschaft. May 2012. 

Sarah Adams  Roger Simnett. (2011). Integrated Reporting: An Opportunity for Australia’s NotforProfit Sector. [Online]. 14 September 2011. https://onlinelibrary.wiley.com/doi/abs/10.1111/j.1835-2561.2011.00143.x 

Thai Institute of Directors Association. (2015). Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2015. Thai Institute of Directors Association: Bangkok. 

—————————————————-. (2016). Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2016. Thai Institute of Directors Association: Bangkok. 

—————————————————-. (2017). Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2017. Thai Institute of Directors Association: Bangkok. 

The International Integrated Reporting Council (IIRC). (2013). The International <IR> Framework. The International Integrated Reporting Council (IIRC). 

See All